เปลี่ยนโรงแรมให้เป็น "Hospitel" อีกหนึ่งทางรอดของโรงแรม ในยุค "โควิด"
ธุรกิจโรงแรมและภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งธุระกิจที่ได้รับผลการทบอย่างหนัก จากการระบาดของโรค COVID-19 ที่ผ่านมา บางโรงแรมต้องปิดกิจการชั่วคราว บางโรงแรมฝืนไม่ไหวก็ต้องปิดตัวไปอย่างถาวร บางโรงแรมที่ยังพอไปได้ก็ต้องกัดฟันสู้และปรับตัวกันอย่างหนัก ทั้งเปิดขายอาหารหน้าโรงแรม เปิดขายอาหารเดลิเวอรี่ หรือแม้กระทั่งปรับตัวเองเป็นโรงแรมกักตัวทางเลือก ทุกโรงแรมต่างล้วนต้องดิ้นรนและพยายามมองหาช่องทางต่างๆเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้เท่าที่จะหาได้ Hospitel จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อความอยู่รอดของโรงแรมในยุคโควิดนี้
Hospitel คืออะไร?
ด้วยจำนวนผู้ป่วยที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเกินหลักหลายพันคนต่อวัน สร้างความกังวลต่อภาคประชาชนว่าจะมีจำนวนเตียงเพียงพอต่อการรักษาหรือไม่
ซึ่งหน่วยงานภาครัฐได้เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว จึงได้ดึงเอา “ผู้ประกอบการโรงแรม” หลายแห่งซึ่งช่วงนี้ยังไม่มีดีมานด์จากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้ปรับเป็น “Hospitel” (ฮอสพิเทล) หรือ “หอผู้ป่วยติดโรคโควิด-19 เฉพาะกิจ” มารองรับคนไขที่จำนวนล้นเกินจำนวนเตียงในโรงพยาบาลต่างๆจะสามารถรองรับได้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยพยุงให้ผู้ประกอบการโรงแรมยังพอมีรายได้เข้ามาหล่อเลี้ยงกิจการต่อไปได้
Hospitel มาจากคำว่า Hospital บวกกับ Hotel คือ หอผู้ป่วยเฉพาะกิจ COVID-19 สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการน้อยหรือไม่รุนแรง โดยปรับเปลี่ยนโรงแรมให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังอาการ เพื่อให้ทางโรงพยาบาลสามารถรองรับผู้ป่วยหนักได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
Hospitel เหมาะสำหรับใคร?
- ผู้ป่วยรักษาใน รพ. ต้นทางมาแล้วไม่น้อยกว่า 5-7 วัน
- ผู้ป่วยไม่มีอาการอายุน้อยกว่า 50 ปี
- ผลภาพถ่ายรังสีปอดคงที่
- ไม่มีไข้ กรณีมีโรคประจำตัวต้องควบคุมอาการให้ดี
- สื่อสารได้รู้เรื่องดูแลตนเองได้ไม่มีความเสี่ยงทางจิตเวช
- โรงพยาบาลต้นทางต้องยินยอมรับผู้ป่วยกลับเข้ารักษาหากมีอาการเปลี่ยนแปลง
โรงแรมที่จะเข้าเป็น Hospitel ต้องมีคุณสมบัติยังไง?
สำหรับโรงแรมที่เคยผ่านการเป็น ASQ, ALQ หรือ AQ มาแล้วอาจจะไม่ต้องปรับอะไรมากเพราะใช้มาตรฐานเดียวกัน แต่สำหรับโรงแรมทั่วไปที่ต้องการจะเปลี่ยนมาเป็น Hospitel กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณะสุข ได้กำหนดหลักเกณฑ์การนำโรงแรมมาเป็นโรงพยาบาลสนามหรือ Hospitel ไว้ดังนี้
- โรงแรมต้องมีใบอนุญาตตามกฎหมาย รวมถึงกรณีดัดแปลง
- ขนาดโรงแรมเริ่มต้นที่จำนวน 30 ห้อง
- โครงสร้างสมบูรณ์ ไม่แตกร้าว มีสภาพอาคารพร้อมใช้งาน
- ระบบความปลอดภัยในอาคารพร้อมใช้งาน เช่น ระบบดับเพลิง ทางหนีไฟ
- ห้องพักไม่ควรมีระเบียง
- ห้องพักต้องไม่เป็นพื้นพรม
- ห้องพักผู้ป่วยต้องเป็นห้องปรับอากาศแยกส่วนไม่เป็นระบบท่อส่งลมร่วมกัน
- หากระบบระบายอากาศในห้องน้ำเป็นระบบรวม ต้องปิดระบบระบายอากาศ
- ท่อระบายน้ำทิ้ง และสุขาภิบาลต้องไม่รั่วซึม
- มีระบบโทรศัพท์ สื่อสาร และ CCTV
- มีระบบการจัดการขยะติดเชื้อ รวมถึงการกำจัดภาชนะบรรจุอาหารติดเชื้อ
- มีระบบการบำบัดน้ำเสียและควรเป็นระบบปิดรวมถึงมีการเติมคลอรีนก่อนปล่อยสู่สาธารณะ (ตามมาตรฐาน)
- มีระบบการกำจัดสิ่งปฏิกูล (ส้วม) และมีระบบท่อน้ำทิ้งที่ได้มาตรฐาน
- มีการป้องกันพาหะนำโรคโดยแมลง
- มีระบบการจัดการซักล้างผ้าติดเชื้อ
- มีแนวทางสร้างความเข้าใจและการยอมรับจากชุมชนโดยรอบ
ดาวน์โหลดเอกสาร หลักเกณฑ์แนวทางการเปลี่ยนโรงแรมเป็นโรงพยาบาลสนาม (Hospitel)
ขั้นตอนในการทำ Hospitel
- โรงแรมต้องประเมินตัวเองตาม หลักเกณฑ์แนวทางการเปลี่ยนโรงแรมเป็นโรงพยาบาลสนาม (Hospitel) ว่ามีคุณสมบัติเบื้องต้นครบตามเกณฑ์ที่ระบุหรือไม่
- หากโรงแรมมีคุณสมบัติครบถ้วนหลังจากนั้นให้ติดต่อหาโรงพยาบาลในระแวกใกล้เคียงเพื่อทำ MOU ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กัน
- หลังจากลงนาม MOU แล้วให้โรงแรมจัดเตรียมเอกสารต่างๆเพื่อให้โรงพยาบาลนำยื่นขออนุญาตกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- รอการอนุมัติก็สามารถดำเนินการได้เลย
ขั้นตอนการขอรับบริการเก็บและขนมูลฝอยติดเชื้อ (COVID-19) ของโรงแรม Hospitel
ขั้นตอนในการขอรับบริการเก็บและขนมูลฝอยติดเชื้อ (COVID-19) ของโรงแรมที่จะทำเป็น Hospitel จะใช้มาตรฐานการจัดเก็บแบบเดียวกันกับ AQ และ ASQ โดยสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ได้กำหนดแนวทางไว้ดังนี้
- โรงแรมฯ ประสานสำนักสิ่งแวดล้อมเพื่อขอรับบริการเก็บและขนมูลฝอยติดเชื้อ (COVID-19)
- สำนักสิ่งแวดล้อมส่งแบบขอรับบริการเก็บและขนมูลฝอยติดเชื้อ (COVID-19) ให้โรงแรมฯกรอกข้อมูลรายละเอียด และส่งกลับมายังสำนักสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณา (โหลดแบบขอรับบริการเก็บและขนมูลฝอยติดเชื้อ (COVID-19)
- สำนักสิ่งแวดล้อมส่งแบบขอรับบริการเก็บและขนมูลฝอยติดเชื้อ (COVID-19) ให้กับ บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด
- บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด นัดหมายเข้าเก็บและขนขยะติดเชื้อ (COVID-19) กับโรงแรมฯ
- สำนักสิ่งแวดล้อมมีหนังสือถึงโรงแรมฯ เพื่อขอความร่วมมือให้ชำระค่าธรรมเนียมเก็บขนและกำจัด มูลฝอยติดเชื้อ (COVID-19) ตามข้อบัญญัติกรงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมการเก็บและขนสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย ตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. 2546ภายในวันที่ 25 ของเดือนถัดไป
- โรงแรมฯ ชำระค่าธรรมเนียมเก็บและขนมูลฝอยติดเชื้อ (COVID-19) โดยชำระเป็นเงินสดหรือสั่งจ่ายเป็นเช็คให้ขีดคร่อมและสั่งจ่ายในนาม “กรุงเทพมหานคร” ภายใน 15 วัน และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก สำนักสิ่งแวดล้อมจะส่งเจ้าหน้าที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมให้กับทางโรงแรมฯ
การคิดค่าธรรมเนียมมูลฝอยติดเชื้อ
ข้อมูลการเก็บขยะมูลฝอยติดเชื้อ จากสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร http://www.bangkok.go.th/environmentbma/page/sub/21767/title/0/info/254126/